พระประวัติ ของ อี อึน

พระชนม์ชีพช่วงต้น

จากซ้าย มกุฎราชกุมารโยะชิฮิโตะ, เจ้าชายอึน และเจ้าชายทะเกะฮิโตะในเคโจเมื่อปี พ.ศ. 2450

มกุฎราชกุมารอึยมินประสูติเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2440 ณ พระราชวังท็อกซู เป็นพระราชโอรสลำดับที่เจ็ดในจักรพรรดิโคจงกับพระสนมอ็อมแห่งย็องว็อล (มีชื่อตัวว่าอ็อม ซ็อน-ย็อง หลังสิ้นพระชนม์สถาปนาขึ้นเป็นพระชายาซุนฮ็อน) พระองค์มีพระเชษฐาต่างชนนีซึ่งเป็นที่รู้จักสองพระองค์คือจักรพรรดิซุนจงและเจ้าชายอีฮวา ต่อมาเจ้าชายอึนได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเจ้าชายย็อง ในปี พ.ศ. 2443 และเป็นมกุฎราชกุมารในปี พ.ศ. 2450 ตามลำดับ แม้ว่าพระองค์จะมีพระชันษาอ่อนกว่าเจ้าชายอีฮวา แต่ฐานเสียงสนับสนุนเจ้าชายอีฮวาในราชสำนักนั้นไม่สู้ดีนัก เนื่องจากพระสนมชังพระชนนีของเจ้าชายอีฮวาถึงแก่อนิจกรรมไปก่อนหน้า

เดือนธันวาคม พ.ศ. 2450 มกุฎราชกุมารแห่งเกาหลีถูกส่งไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อทรงศึกษาต่อในโรงเรียนขุนนางกะกุชูอิง แล้วทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมทหารจักรวรรดิญี่ปุ่นจนสำเร็จการศึกษาเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2460 ได้รับการแต่งตั้งให้มียศเป็นร้อยโทประจำหน่วยทหารราบและเลื่อนชั้นยศเป็นพลโทแห่งกองกำลังพิเศษทางอากาศกองทัพบกจักรวรรดิญี่ปุ่นเป็นตำแหน่งสุดท้าย

มกุฎราชกุมารอึนได้เสกสมรสกับเจ้าหญิงมะซะโกะแห่งนะชิโมะโตะ (2444–2532) พระธิดาพระองค์ใหญ่ในเจ้าชายโมะริมะซะ เจ้าชายนะชิโมะโตะ เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2463 ณ กรุงโตเกียว มีพระโอรสสองพระองค์คืออี จิน (2464–2465) และอี กู (2474–2548)

เกาหลีถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิญี่ปุ่นหลังจักรพรรดิซุนจงถูกบังคับให้สละราชสมบัติในปี พ.ศ. 2453 ขณะนั้นพระองค์ยังคงดำรงพระอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมารดังเดิม จนกระทั่งจักรพรรดิซุนจงพิราลัยเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2469 มกุฎราชกุมารจึงมีพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าอึนแห่งเกาหลี ตามสนธิสัญญาผนวกดินแดนญี่ปุ่น-เกาหลี แต่พระองค์มิได้รับการสถาปนาและไม่เคยผ่านพิธีราชาภิเษกเลย

รับราชการทหาร

จากซ้าย เจ้าชายอึน, เจ้าชายก็อน และเจ้าชายอู สามเจ้านายเกาหลีที่ประทับในญี่ปุ่นทรงฉลองพระองค์ทหาร ณ โตเกียว พ.ศ. 2481

เจ้าชายอึนหรือทรงเป็นที่รู้จักในภาษาญี่ปุ่นว่า ริ กิง (ญี่ปุ่น: 李垠 โรมาจิ: Ri Gin) ทรงรับราชการในกองทัพบกจักรวรรดิญี่ปุ่น ทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชากองพันที่ 59, กองคลังที่ 4 ก่อนย้ายไปที่กองพล 51 พระองค์ได้รับการเลื่อนยศขึ้นเป็นพันโท (สิงหาคม 2475), พันเอก (1 สิงหาคม 2478), พลตรี (15 กรกฎาคม 2481) และพลโท (2 ธันวาคม 2483) ตามลำดับ

โดยตำแหน่งสุดท้ายพระองค์มียศเป็นพลโท ในตำแหน่งผู้บังคับบัญชากองกำลังพิเศษทางอากาศกองทัพบกที่ 1 นอกจากนี้ยังทรงงานเป็นพระอาจารย์ผู้บรรยายที่วิทยาลัยการทัพบก (Army War College) ภายหลังทรงเป็นสมาชิกสภาสงครามสูงสุด (Supreme War Council) เมื่อยามมีศึกสงคราม[1]

ปลายพระชนม์

หลังเกาหลีได้รับเอกราชจากจักรวรรดิญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2488 มกุฎราชกุมารอึนได้ขออนุญาตจากอี ซึง-มัน ประธานาธิบดีคนแรกของเกาหลีใต้นิวัตกลับมาตุภูมิแต่ทว่าถูกประธานาธิบดีปฏิเสธ จนกระทั่งพัก ช็อง-ฮี ประธานาธิบดีคนที่สามของเกาหลีใต้ได้อนุญาตให้มกุฎราชกุมารอึนและพระราชวงศ์พระองค์อื่น ๆ นิวัตเกาหลีใต้ แต่หลังจากนั้นพระองค์ประชวรด้วยมีพระอาการโรคโพรงเลือดดำสมองอุดตัน (cerebral thrombosis) ประทับรักษาที่โรงพยาบาลเซนต์แมรีส์ (St. Mary's Hospital) ในโซล

เดิมมกุฎราชกุมารอึนนับถือลัทธิขงจื๊อใหม่ แต่ภายหลังทรงเข้ารีตนิกายโรมันคาทอลิก มีนามทางศาสนาว่ายอแซฟ

ในปีสุดท้ายของพระชนม์ชีพ มกุฎราชกุมารอึนประทับอยู่ในพระตำหนักนักซ็อนในพระราชวังชังด็อกร่วมกับเจ้าหญิงพังจาพระชายา และเจ้าหญิงท็อกฮเยพระขนิษฐา พระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2513 ณ พระตำหนักนักซ็อน พระราชวังชังด็อก มีพิธีปลงพระศพ ณ ฮงรึงในนัมยังจูใกล้กรุงโซล มีพระนามหลังสิ้นพระชนม์ว่ามกุฎราชกุมารอึยมิน